วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Review: Chernobyl Diaries


Chernobyl Diaries (C+)


          เกริ่นนำ หลังจากการระเบิดของโรงไฟฟ้าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เมือง Chernobyl ชาว Chrnobyl และเมืองรอบๆข้างได้ย้ายออกจากบ้านของตัวเองโดยไม่มีแม้แต่เวลาจะเก็บของ ด้วยปริมาณความเข้มข้นของรังสีที่รั่วไหลออกมา ทำให้ทุกวันนี้ Chernobyl ได้กลายเป็นเมืองร้าง แต่แล้วก็มีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสัตว์กลายพันธุ์ต่างๆ หรือข่าวลือของมนุษย์กลายพันธุ์ที่แน่นอนว่าไม่เกี่ยวอะไรกับ X-Men (ฮา) 

          Chernobyl Diaries พูดถึงเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนชาวอเมริกันที่เดินทางเข้าไปยังเมือง Pripyat เมืองร้างใกล้ๆกับ Chernobyl ซึ่งในตอนแรกก็ยังเป็นการทัวร์เสี่ยงภัยที่สนุกสนาน เมื่อได้เจอทั้งปลา หมี และหมา(ที่ไม่แน่ใจว่ากลายพันธุ์หรือเพราะหิวจนดุร้ายผิดปกติ O_o) แต่แล้วเมื่อกำลังจะเดินทางกลับ รถเกิดเสีย ทำให้ทั้งหมดต้องติดอยู่ที่ Pripyat และเมื่อกลางคืนมาถึง เรื่องราวที่เคยเป็นแค่เรื่องเล่าก็ได้กลายเป็นความจริงขึ้นมา เมื่อทั้งหมดถูกตามล่า โดยกลุ่มคนปริศนา แล้วพวกเขาจะสามารถรอดออกมาได้มั้ย ติดตามได้ใน Chernobyl Diaries 

*Spoiler Alert บทความต่อไปนี้มีการเปิดเผยส่วนสำคัญของหนัง

          ภาพรวม ถึงแม้ตัวหนังจะไม่ได้มีความสดใหม่อะไร แต่ก็ทำได้ไม่ขี้เหร่ในฐานะของหนังสยองขวัญที่เล่นกับฉากตกใจ ย้ำว่าเล่นกับความตกใจอย่างเดียวจริงๆ แต่ก็เหมือนทีมงานจะรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ จุดขายของหนังจึงไม่มีอะไรที่น่าห่วง และถือว่าสอบผ่าน โทนของหนังที่พยายามบิวท์ให้คนดูร่วมลุ้นไปพร้อมๆกับเหตุการณ์ในจอ ที่จะเจอก็ไม่เจอซักที หรือเจอ... แต่เจอหมี... ผมชอบนะ แล้วผมว่ามันรับกับบทสรุปของหนัง ที่... เอาเป็นว่า... สรุปแบบนั้นก็เป็นสิ่งที่รับได้ และดูเป็นเรื่องจริงมากกว่าเรื่องราวต่างๆ  สุดท้ายก็เป็นเรื่องของฉาก production ต่างๆ รวมไปถึงเสื้อผ้า คือผมว่ามันเข้ากัน ยังไงดีล่ะ คือคุณไปเที่ยว มันหนาวก็ใส่เสื้อผ้าหนาๆ คือผมว่ามันไม่จำเป็นที่หนังสยองขวัญต้องมานุ่งน้อยห่มน้อย ให้ปลาปิรันย่ามาคอยตอด (เย้ย !!!) มันไม่จำเป็นต้องเรียกแขกด้วยวิธีนั้นไง 
          
          จุดเด่น อืมมม ผมชอบการเดินเรื่องของหนังนะ แบบไม่ต้องเกริ่นอะไรมาก เอาแค่ให้คนดูรู้ว่า Paul กับ Chris เป็นพี่น้องที่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ เสร็จแล้วก็เข้ามาโชะๆกันใน Pripyat เลย ฉากที่เหล่าตัวเอกหนีตายก็ทำได้น่าลุ้น คือผมรู้สึกเอาใจช่วยอ่ะ แบบ"เฮ้ย ต้องออกไปให้ได้นะ" (ฮ่า) อีกอย่างดราม่าที่แอบหยอดเข้ามา ก็ถือว่าทำได้โอเค ผมชอบความรู้สึกผิดของ Paul และอยากพา Chris ออกจากเมือง อีกฉากหนึ่งก็คือฉากคู่รัก Uri Zoe ที่ Uri ไม่อาจผ่านประตูเข้ามาได้ ก็ถือว่า อื้มมม มันเศร้านะ โดยส่วนตัวแล้วผมว่านักแสดงทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี และมันทำให้หนังดูสนุก ไม่ต้องมานั่งเซ็งว่ามีใครเล่นเยอะเกินหน้าเกินตาใคร แต่สิ่งหนึ่งที่มันเด่นจริงๆ คือ Jesse McCartney สาวมากอ่ะ ฮ่าๆ โดยเฉพาะฉากวีนเป็นอะไรที่แบบ "นี่เล่นเป็นตัวเองใช่มั้ย !!! 

          จุดด้อย เป็นหนังที่ใช้ CG ได้เปลืองมากกก ส่วนตัวผมเสียดายหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปลาปีศาจ(?) อุตส่าห์ปูเรื่อง มีพาไปดูใกล้ๆ แต่ใช้จริงๆไม่ถึงสามวิ ใช้แค่ออกมาข่วนๆ ไม่โหดร้ายสมราคาปลาโดนรังสีเล้ย - -" อีกอย่างที่ผมว่ามันทำให้หนังไม่สุดก็เป็นพวกตัวประหลาดต่างๆในเมือง ที่เอาจริงๆ ไม่เห็นหน้าชัดๆซักที โผล่ออกมาแวบๆ โดยเฉพาะเด็กหญิงที่ยืนหันหลัง... คือหนูออกมาเป็นตัวล่อจริงๆอ่ะ ไม่มีบท ไม่สิ ไม่แม้แต่จะเห็นหน้าเล้ยยยย หรือเพราะไม่อยากให้เดาได้ว่าจริงๆแล้วตัวประหลาดในเมืองเป็นใคร (ฮ่า) ไม่รู้ดิ แต่ผมว่ามันก็เฉยๆอ่ะ ก็ไม่ได้ถือว่าร้ายแรงอะไร แต่... ก็คนมันอยากเห็นอ่ะ !!!  

          บทสรุป ท่ามกลางกระแสของหนังซัมเมอร์ที่ขับเคี่ยวกันโหดร้ายสุดๆ Chernobyl Diaries ถือว่าเป็นหนังเล็กๆที่ทำได้ไม่เลวนักในแง่ของการให้ความบันเทิง และเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่เบื่อหนังซูเปอร์ฮีโร่ และหนังแอนิเมชั่น ที่ดูเหมือนจะเพิ่มปริมาณขึ้นในทุกๆปี และถึงแม้ตัวหนังอาจเทียบไม่ได้กับ Paranormal Activities (ที่มาจากผู้สร้างเดียวกัน) แต่ก็เรียกได้ว่าไม่ทำให้ขายหน้าแต่อย่างใด เป็นอีกหนึ่งหนังซัมเมอร์ที่ดูได้เพลินๆ แต่ที่แน่ๆ แฟนๆของ Jesse McCartney ควรจะไปดูอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็ไปอุดหนุนซะหน่อย เผื่อจะมีแรงกลับมาทำเพลงต่อ (ฮา)


BoyRobot