วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Review: Olly Murs - In Case You Didn't Know


Olly Murs – In Case You Didn’t Know (B+)

                Olly Murs รองชนะเลิศอันดับ 1 จากเวที The X Factor UK Season 6 (ปีนั้น Joe McElderry ได้ที่ 1) ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว Olly จะดูมีภาษีมากกว่าตา Joe หลายเท่านัก ว่ากันว่า Olly ได้เซ็นสัญญาทันทีหลังจากที่ประกวดเสร็จแม้ว่าจะได้ที่ 2 ก็ตาม และเขาก็ไม่ทำให้ค่ายผิดหวัง Singleเปิดตัว “Please Don’t Let Me Go” เปิดตัวที่อันดับ 1 บน UK Singles Chart ทันที (ชนะ Teenage Dream ของ Katy Perry เลยนะเออ) หลังจากที่ประสบความสำเร็จไปกับอัลบั้มแรก Olly Murs ก็พร้อมที่จะพาพวกเราไปสัมผัสกับความสนุกสนาน ความร่าเริงสดใสผ่านบทเพลงของเขากันอีกครั้งกับอัลบั้มอันดับที่สอง “In Case You Didn’t Know”

จุดเด่น
                ภาพลักษณ์ คือภาพลักษณ์ของ Olly Murs เป็นอะไรที่เข้าถึงได้ ไม่ว่าจะผ่านทางเสียงเพลง (Olly เป็น co-writer เกือบทุกเพลงในอัลบั้ม) ใน MV หรือภาพที่เราเห็นตาม Live ต่างๆ ทำให้คนทั่วไปมีความรู้สึกว่า Olly Murs เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่เข้าถึงและแตะต้องได้ อีกทั้งเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเพลงของ Olly มันช่างติดหูมากๆ แถมเนื้อเพลงก็น่ารักซะ แล้วยิ่งบวกกับ MV ท่าทาง การแต่งตัว รวมถึงความขี้เล่นของตัวนักร้องเอง โอยยย พอรู้ตัวอีกทีเพลงก็มาวนเวียนอยู่ในหัวแล้ว (ฮ่า)

จุดด้อย
                ภาพรวมของอัลบั้มที่ดูจะไม่ค่อยมีพัฒนาการ ความแตกต่างอะไรจากอัลบั้มแรกมากนัก ทำให้อัลบั้มนี้ดูเหมือนเป็น Olly Murs Part 2 อีกทั้งเนื้อหาของเพลงที่... โอเค ถึงแม้ว่ามันจะน่ารัก เข้าถึงง่าย แต่แบบถ้าเอาเพลงเนื้อหาประมาณนี้มาให้เด็กๆร้องมันน่าจะเข้ากว่านะ แต่เอาจริงๆที่พิมพ์ๆมามันก็ไม่เชิงจะเป็นจุดด้อยซะทีเดียว เอาเป็นว่าเป็นการบ้านไว้สำหรับปรับปรุงอัลบั้มต่อไปละกันเนอะ

Track by track
                เปิดอัลบั้มด้วย Heart Skips A Beat (Ft. Rizzle Kick) และเป็นซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มนี้ด้วย ตัวเพลงเป็นการยืนพื้นจอง Pop แล้วใส่ความเป็น Reggae และ Ska เข้ามาเหมือนที่เราได้เห็นกันไปในอัลบั้มแรก และดูเหมือนจะเป็นแนวถนัดของตา Olly เขาล่ะ!!! ผลลัพธ์ก็คือเพลงนี้กลายเป็นเพลงสนุกๆที่เหมาะกับการเปิดในช่วงซัมเมอร์ เพราะถ้าเพลงไม่เวิร์คคงไม่ debut อันดับ 1 บน UK Singles Chart จริงมั้ย ฮ่า (HSAB เป็นเพลงเดียวในอัลบั้มที่ Olly ไม่ได้มีส่วนรวมในการแต่ง) ต่อกันด้วย Oh My Goodness ตัวเพลงพูดถึงความลังเลว่าจะเดินหน้าต่อหรือชะลอความเร็วลง ซึ่งใครๆก็คงมีความรู้สึกแบบนี้เมื่อเจอคนที่ถูกใจใช่มั้ยครับ เพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงที่ฟังแล้วได้ขยับ+ร้องตามกันพอหอมปากหอมคอ เอ๊ะหรือจะใช้ร้องให้ใครฟังดีนะ ต่อกันที่ซิงเกิ้ลที่ 2 Dance With Me Tonight จริงๆอยากให้เพลงนี้อยู่เป็นแทร็คแรกของอัลบั้มนะ ไอ่ตอนขึ้นต้นมันเหมาะกับการเปิดตัวมากๆ ทำให้ได้ฟีลเหมือนเข้าไปอยู่ในโรงละครแล้ว Olly ขึ้นมาร้องเพลงให้ฟัง (อารมณ์ประมาณ Live ที่ The X Factoe UK นั่นแหละ) ส่วนตัวแล้วผมชอบเสียงทรัมเป็ตในเพลงนี้นะ มันยิ่งทำให้เพลงดูสนุก และทะเล้นมากๆ I’ve Tried Everything เริ่มต้นมาเหมือนจะเป็นบัลลาด แต่ทำไปทำมากลายเป็นเพลงสนุกๆอีกหนึ่งเพลง (แหม่ จะสดใสกันไปถึงไหน) ตัวเพลงยังคงเป็น Pop-Reggae ซึ่งคงต้องบอกว่าดนตรีแบบนี้มันเข้ากับเสียงของ Olly มากๆ แต่ส่วนตัวผมรู้สึกว่าเพลงนี้มันสู้ 3 เพลงแรกไม่ได้อ่ะ บัลลาดเพลงแรกในอัลบั้ม This Song Is About You เพลงนี้พาเราไปรู้จักกับด้านมืดของ Olly ใครจะคิดว่าผู้ชายขี้เล่นพออยู่ในโหมดแค้น เจ็บปวดจะอารมณ์ร้ายได้ถึงขนาดนี้ ก็ถึงขนาดเขียนเพลงด่าเลยอ่ะ... น่ากลัวเกิ๊น แถมเนื้อเพลงยังเชือดเฉือนซะ เศร้ากันต่อกับtitle track ของอัลบั้ม In Case You Didn’t Know (ต้องบอกอีกมั้ยว่า)ตัวเพลงเป็น Pop-Reggae-Ska ถึงแม้จะเป็นเพลงชวนโยก แต่เนื้อหาของเพลงกลับเป็นการตัดพ้อคนรัก ทำไมจะต้องจากกันไป... แต่ด้วยความที่ตัวเพลงมันน่ารักซะขนาดนี้... บอกตรงๆว่าไม่อินกับเพลงอ่ะ (ฮ่าๆ) ต่อกันที่ Tell The World เพลงน่ารักๆที่พูดถึงความรักของคนสองคนที่ต่อให้จะเลวร้ายขนาดไหนขอแค่เพียงฉันมีเธออยู่ข้างๆฉันก็โอเคแล้ว จนฉันอยากประกาศความรู้สึกที่มีต่อเธอให้โลกได้รับรู้ ง่ายๆสั้นๆเลยนะ... เอาจริงๆเพลงมันน่ารักมาก!!! กลับมาที่เพลงเนื้อหาเครียดๆกับ I’m OK คือเอาจริงๆส่วนตัวไม่อยากเห็นเพลงเครียดๆจากตานี่เลย เพราะว่าถ้าไม่ใช่บัลลาดแบบ TSIFY อ่ะ มันไม่เศร้าเลยนะ เพลงนี้ก็เหมือนกัน ซึ่งถ้ามองว่าอยากให้เพลงนี้เป็นเพลง Feel good แบบเออ ถ้ามันถึงเวลาฉันก็ต้องกลับไปมีชีวิตของฉัน เป็นตัวเองอีกครั้ง เพลงนี้มันก็โอเคล่ะ Just Smile บทเพลงสำหรับเอาไว้ง้อคนรัก ตัวเพลงมันเหมาะใช้ประกอบหนังมากๆ อารมณ์แบบพระ-นางทะเลาะกันแล้วเพลงขึ้น จากนั้นก็คืนดีกันอ่ะ (ฮ่าๆ) ก็ในเมื่อ... ความรักของเรามันยังไม่จบ แค่เธอยิ้มให้ฉัน เราก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว On My Cloud เพราะเพลงนี้นี่แหละเลยไม่ตัดเกรด A ไม่รู้อ่ะ ไม่ชอบ เสียง Olly ในเพลงนี้แปลกๆ อะไรก็ไม่รู้ เพลงแรกและเพลงเดียวในอัลบั้มที่กด Skip ดีนะที่เพลงแค่ 2 นาทีครึ่ง ถ้ามากกว่านี้คงแย่กว่านี้อ่ะ I Don’t Love You Too I know you, you know me ต่างคนต่างก็รู้จักกันและกันอย่างดี ทะเลาะกันไปก็ไม่ได้อะไร แล้วจะทะเลาะกันทำไม... จริงมั้ย??? Anywhere Else เพลงน่ารักๆมาอีกแล้ว (นี่สรุปมันจะน่ารักทั้งอัลบั้มเลยมั้ย) ฟังแล้วมีความรู้สึกเหมือนนอนดูดาวอยู่กับคนรัก ก็ในเมื่อมีเธออยู่ตรงหน้าฉันแล้ว ฉันก็ไม่ต้องการไปที่ไหนอีกแล้ว (น่ารักเนอะ) ปิดอัลบั้มด้วย I Need You Now บัลลาดสวยๆที่เปิดโอกาสให้ Olly โชว์เสียงตัวเองอย่างเต็มที่ ส่วนตัวแล้วผมชอบบัลลาดแบบนี้นะ ตัวเพลงพูดถึงถ้าจะบอกว่าความเพ้อของ Olly ก็คงไม่ผิดอะไร คือไปตกหลุมรักเขาแต่ก็ไม่ได้สานต่อ เลยต้องมานั่งคิดไปเองว่าถ้าเราได้อยู่ด้วยกันจะเป็นอย่างไร...

สรุป
                ส่วนตัวแล้ว In Case You Didn't Know เป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่ชอบมากในปี 2011คืออีกหนึ่งอัลบั้มที่สามารถฟังได้เรื่อยๆ หรือหยิบมาฟังเวลาเครียดๆแล้วร้องตามก็โอเคนะ ด้วยเนื้อหา และแนวเพลงที่ไม่เครียดออกจะไปในแนวสนุกสนานซะด้วยซ้ำ และสำหรับอัลบั้มนี้เหมือน Olly Murs จะหาแนวทางของตัวเองเจอแล้ว ทั้งอัลบั้มสามารถฟังได้อย่างลื่นไหล ถึงแม้จะมีบางแทร็คที่ยังดูขาดๆเกินๆอยู่ แต่เชื่อว่าอัลบั้มต่อๆไปน่าจะมีพัฒนาการได้มากกว่านี้ 




BoyRobot